พระราชกรณียกิจด้านสาธาณสุข และสังคมสงเคราะห์
ส่งเสริมอาชีพและศิลปาชีพ
การส่งเสริมให้คนไทยในภูมิภาคต่างๆ ผลิตงานด้านศิลปหัตถกรรมเป็นอาชีพเสริม นอกเหนือจากการเกษตร ซึ่งเป็นอาชีพหลัก งานศิลปาชีพอยู่ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งก่อตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 21 ก.ค.พ.ศ.2519
การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพ นอกจากจะเป็นการเสริมรายได้ให้แก่เกษตรกรและราษฎรแล้ว ยังช่วยอนุรักษ์ศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของคนไทย และพัฒนาคุณภาพของฝีมือให้ดียิ่งขึ้น จนสามารถผลิตสินค้าให้เป็นที่ต้องการของตลาด รวมทั้งสร้างสรรค์งานฝีมือชิ้นเยี่ยม ไว้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติอีกด้วย
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงตระหนักถึงความสำคัญของชาวไร่ชาวนาผู้ผลิตอาหาร ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของมนุษย์ จึงทรงพระราชดำริที่จะจัดหาอาชีพเสริมให้แก่เกษตรกรเพื่อให้เกษตรกรมีกำลังใจที่จะทำนาทำไร่ต่อไป ไม่ต้องขายที่ดิน ไม่ต้องเป็นหนี้สิน และไม่ต้องทิ้งถิ่นไปทำมาหากินตามเมืองใหญ่ อันจะก่อให้เกิดปัญหาความแออัดของชุมชนในเมืองใหญ่ตามมาอีก
สิ่งที่จะเป็นอาชีพเสริมนั้น จะต้องเป็นอาชีพที่ประกอบอยู่ที่บ้านได้ในเวลาที่ว่างจากการทำไร่ทำนา หรือเมื่อดินฟ้าอากาศไม่อำนวยให้เพาะปลูก หรือแม้แต่ผู้ไม่มีดินจะเพาะปลูก ก็จะสามารถประกอบอาชีพเสริมนี้ได้ด้วยทรัพยากรธรรมชาติหรือวัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นของตน และด้วยภูมิปัญญาตลอดจนด้วยฝีมือของเขาเอง นี่คือที่มาของพระราชดำริในการนำศิลปหัตถกรรมมาเป็นอาชีพเสริมให้แก่ชาวไร่ชาวนาไทยพระมารดาแห่งไหมไทย
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นต่อพสกนิกรชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ห่างไกลในชนบทซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีรายได้น้อยและประสบปัญหาความยากจน จึงทรงตระหนักและทรงให้ความสำคัญในการสร้างอาชีพเสริม เพื่อแก้ปัญหาความยากจน โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ส่งเสริมอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมแก่พสกนิกร สนับสนุนอาชีพทางด้านหัตถกรรมไหมลวดลายต่าง ๆ มาตั้งแต่ปี ๒๕๑๓ จนเป็นที่แพร่หลายอย่างกว้างขวางและเป็นที่มาของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระองค์ทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมไทยในทุกโอกาส เพื่อทรงเป็นแบบอย่าง เนื่องด้วยมีพระราชนิยมเรื่องการใช้ผ้าไทยมาตั้งแต่ครั้งทรงเป็นหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร และทรงงานด้านหม่อนไหมด้วยพระวิริยอุตสาหะมาโดยตลอด และมีพระราชดำริว่า สมควรจะมีหน่วยงานหลักที่จะรับผิดชอบ ดูแลการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม รักษาพันธุ์ไหมพื้นเมืองซึ่งมีเอกลักษณ์ของไทย การย้อมสีธรรมชาติ ตลอดจนสนับสนุนการทอผ้าไหมไว้อย่างครบวงจร ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไหม ทอผ้าไหม ได้มีอาชีพที่ยั่งยืน มีรายได้พึ่งพาตนเองได้ ซึ่งพสกนิกรทุกหมู่เหล่าต่างตระหนักรับรู้ได้ถึงความรัก ความห่วงใยของพระองค์ที่ทรงมีต่อพสกนิกร และบังเกิดเป็นความภาคภูมิใจในเกียรติภูมิความเป็นไทยจนเป็นที่ประจักษ์ทั้งในประเทศและนานาอารยประเทศ จนกระทั่งในปี ๒๕๔๕ คณะกรรมาธิการหม่อนไหมระหว่างประเทศ (International Sericultural Commission: ISC) ได้ขอพระราชทานพระราชานุญาตทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัลหลุยส์ปาสเตอร์ (Louis Pasteur Awards) แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในฐานะที่ทรงเป็นผู้ที่ศึกษาพัฒนาและทำคุณประโยชน์ยิ่งต่อวงการหม่อนไหมไปสู่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก พร้อมกับจัดงานกาลาดินเนอร์ถวาย ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล





