วันที่ 13 พฤศจิกายน 2526 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการประกวดผ้าไหมชนิดต่าง ๆ เช่น ผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าแพรวา ผ้าไหมหางกระรอก ผ้าไหมพื้น เป็นต้น โดยจัดขึ้น ณ พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร ผู้ชนะการประกวดในแต่ละประเภทจะได้เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานรางวัล นับว่าเป็นการกระตุ้นให้ราษฎรผู้ทอผ้าไหม ได้มีความกระตือรือร้นในคุณภาพของผ้าไหม รักษาลวดลายโบราณ และมีกำลังใจที่จะผลิตงานฝีมือด้านนี้ต่อไป
8 ชุดไทยพระราชนิยม จากพระอัจฉริยภาพสมเด็จพระพันปีหลวง
ย้อนชม 8 ชุดไทยพระราชนิยม ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ทรงริเริ่มและพัฒนาขึ้น เพื่อรักษาเอกลักษณ์และความสง่างามของเครื่องแต่งกายไทย
แต่ละแบบ ชุดไทยพระราชนิยมเหล่านี้ไม่เพียงสะท้อนความประณีตของผ้าไทย แต่ยังเผยให้เห็น
พระอัจฉริยภาพด้านศิลปวัฒนธรรมและแฟชั่น ของพระองค์ พระองค์ทรงปรับปรุงชุดไทยจากการนุ่งห่ม
แบบดั้งเดิมที่ซับซ้อน ให้เป็น Ready-to-Wear ใช้ซิปหรือกระดุมซ่อน สวมใส่สะดวกโดยไม่ลดทอนความอ่อนช้อย
เดิมมี 5 แบบ ต่อมาทรงเพิ่มเติมอีก 3 แบบ รวมเป็น 8 ชุดไทยพระราชนิยม
ได้แก่ ชุดไทยจักรี, ชุดไทยบรมพิมาน, ชุดไทยจักรพรรดิ, ชุดไทยศิวาลัย,
ชุดไทยดุสิต, ชุดไทยจิตรลดา, ชุดไทยเรือนต้น และชุดไทยอมรินทร์ โดยหม่อมหลวงมณีรัตน์
บุนนาคได้รับพระราชกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งชื่อชุดไทยทั้งหมด ให้ประชาชนและคนรุ่นหลังได้ชมความสง่างาม
และทรงคุณค่าของ 8 ชุดไทยพระราชนิยม อย่างครบถ้วนจนถึงปัจจุบัน
พระราชกรณียกิจ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
#ด้านการศาสนาและวัฒนธรรม
เมื่อ พ.ศ. 2503 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีกำหนดการที่จะตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปทรงเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรป และประเทศสหรัฐอเมริกา
ทรงพระราชดำริว่า แม้เราจะมีเอกลักษณ์และวัฒนธรรมในการแต่งกายของเราเองอยู่แล้วแต่สตรีไทยก็ยังไม่มีเครื่องแต่งกายชุดประจำชาติ จึงมีพระราชเสาวนีย์ให้ผู้ที่เชี่ยวชาญในการออกแบบเครื่องแต่งกาย คิดปรับปรุงแบบเสื้อที่สตรีไทยแต่งกันมาแต่โบราณกาลให้ทันสมัย เพื่อทรงใช้เป็นชุดไทยประจำชาติในระหว่างที่เสด็จฯ ไปทรงเยือนต่างประเทศครั้งนั้น ผลก็คือไทยเราได้มีชุดไทยประจำชาติที่สง่างามและเหมาะสมไว้ใช้ในโอกาสต่างๆ มาจนทุกวันนี้ ซึ่งเรียกกันว่า "ชุดไทยพระราชนิยม"
ชุดไทยพระราชนิยม มีดังนี้ 1.ชุดไทยเรือนต้น 2.ชุดไทยจิตรลดา 3.ชุดไทยอมรินทร์ 4.ชุดไทยบรมพิมาน 5.ชุดไทยจักรี 6.ชุดไทยดุสิต 7.ชุดไทยศิวาลัย 8.ชุดไทยจักรพรรดิ์ ทั้งนี้ จะสังเกตว่า ชื่อชุดไทยต่างๆ เหล่านี้ เป็นชื่อเกี่ยวกับพระที่นั่งหรือพระตำหนัก ซึ่งมีความสอดคล้องกันกับโอกาสและความเหมาะสมในการใช้เครื่องแต่งกายชุดไทยด้วย
ปัจจุบันนี้ ชุดไทยประจำชาติได้เป็นที่นิยมในหมู่สตรีไทยและสังคมไทยทั่วไป ทั้งยังได้เผยแพร่ชื่อเสียงความงดงามด้วยศิลปะทั้งปวงไปยังนานาประเทศ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่บรรดาสตรีไทย ที่ได้พระราชทานแนวพระราชนิยมเป็นแบบแผนการแต่งกายประจำชาติสำหรับสตรีขึ้น เป็นการส่งเสริมเชิดชูศิลปวัฒนธรรมไทยตามลำดับยุคสมัย ที่จะต้องปรากฏต่อไปเป็นประวัติศาสตร์ของชาติสืบชั่วกาลนาน
ด้วย
พระราชกรณียกิจ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้านการศึกษา ประจำ วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน 2568
“การพัฒนาคนเป็นสิ่งสำคัญเท่ากับชาติ ถ้าไม่พยายาม พัฒนาคนให้อยู่ในสภาพที่อยู่ดีกินดี มีการศึกษา และอาชีพ คนก็ไม่สามารถพัฒนาชาติให้เจริญได้ การพัฒนาคนจึงเท่ากับการพัฒนาประเทศ ถ้าใครมีความสามารถที่จะเรียนรู้ได้สูงสุดแค่ไหน ก็ให้เขาเรียน ไปจนถึงที่สุด แต่คำว่าการศึกษานั้นไม่จำเป็นว่าต้องอยู่ในโรงเรียนเสมอไปยังมีทางเลือกอีกหลายทาง ทั้งสายอาชีพ ทั้งการอบรม โดยผู้เชี่ยวชาญต่างๆ รวมทั้งการฝึกงานโครงการศิลปาชีพ” แนวพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา วันที่ 11 สิงหาคม พุทธศักราช 2542 เป็นที่ประจักษ์ว่า
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงเป็นผู้วางรากฐานการศึกษา ทรงส่งเสริมด้านการศึกษา ด้วยทรงมีวิสัยทัศน์อันกว้างไกลมาตั้งแต่ครั้งทรงพระเยาว์อีกทั้ง ทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับการศึกษาอยู่เนืองๆ ทรงตระหนักถึงความสำคัญว่า ผลของการศึกษาในวันนี้จะเป็นตัวกำหนดอนาคต พระราชทานทุนการศึกษา และส่งเสริมการพัฒนาความรู้ในด้านต่างๆ ทรงมีกระแสพระราชดำรัสด้วยความห่วงใยในการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทยของนักเรียน นิสิตนักศึกษา ว่าการศึกษาประวัติศาสตร์ของชาติ เด็กไทยควรมีความรู้เกี่ยวกับความเป็นมาของประเทศชาติ ว่ามีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องและเปลี่ยนแปลงมาสู่ปัจจุบันได้อย่างไร
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้พระราชทานความเมตตาช่วยเหลือด้านการศึกษาแก่ราษฎรที่มีบุตรมากและยากจน ซึ่งทรงพบทั่วไปในพระราชอาณาจักร ทรงห่วงใยราษฎรตามชนบทที่ขาดการศึกษาเป็นอย่างมาก และทรงมุ่งหวังที่จะให้ราษฎรไทยเป็นประชากรที่มีคุณภาพ พึ่งตนเองได้ ตลอดจนไม่ถูกหลอกลวงโดยผู้ที่มุ่งหวังเอารัดเอาเปรียบผู้ที่มีการศึกษาน้อย ดังนั้น เมื่อทรงมีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรและทรงทราบว่าครอบครัวใดมีบุตรที่ยังอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียนแต่ครอบครัวนั้นไม่สามารถส่งบุตรให้ศึกษาต่อจากภาคบังคับได้ ก็จะพระราชทานทุนการศึกษาแก่บุตรของครอบครัวนั้น 1 คน โดยพิจารณาเด็กที่มีความสามารถพอจะศึกษาให้จบอย่างน้อยหลักสูตรใดหลักสูตรหนึ่งเป็นเกณฑ์เพื่อที่จะกลับมาเป็นที่พึ่งของครอบครัวในการทำมาเลี้ยงชีพ และส่งเสียให้สมาชิกครอบครัวรายอื่นๆ ได้รับการศึกษาต่อไป
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีบทบาทในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในด้านการศึกษาหลายรูปแบบ อาทิ ทรงพระอุตสาหะสอนหนังสือราษฎรด้วยพระองค์เอง พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนการศึกษาแก่เยาวชนจากครอบครัวที่ยากจน ทั้งในระบบโรงเรียนและนอกโรงเรียน ทรงรับไว้เป็นนักเรียนในพระบรมราชานุเคราะห์ส่วนบิดามารดา พี่น้องของเด็ก ก็โปรดเกล้าฯให้เข้ารับการฝึกอบรม พระราชทานความช่วยเหลือให้ปรับปรุงการประกอบอาชีพให้เป็นผล หรือให้มีความรู้เป็นอาชีพเสริมเพิ่มพูนรายได้ สามารถช่วยตนเองและครอบครัวให้ดำรงชีวิตเป็นสุขตามอัตภาพ โดยใช้วัตถุดิบพื้นบ้านมาทำประโยชน์ เช่น หัตถกรรมจักสานของโครงการหุบกะพง โครงการจักสานย่านลิเภา และทำเครื่องปั้นดินเผาในภาคใต้อีกทั้ง ยังโปรดเกล้าฯ ให้สอดแทรกเรื่องความรักชาติ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมการรักษาศิลปวัฒธรรมท้องถิ่น การรู้จักรักษาสุขภาพอนามัย การรู้จักพัฒนาตนเอง การเห็นความสำคัญของการศึกษาและการช่วยเหลือร่วมมือกับส่วนรวม พร้อมทั้งให้ทุกคนตระหนักว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของส่วนรวม ต้องบำเพ็ญตนเป็นประโยชน์เพื่อความเจริญพัฒนาของภูมิภาค
ทั้งนี้ พระมหากรุณาธิคุณมิได้แผ่ปกป้องเฉพาะปวงชนชาวไทย หากแต่ยังทรงแผ่ไปถึงประชาชนของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ชาวกัมพูชาอพยพลี้ภัยเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในแดนไทย แถบจังหวัดตราด จันทบุรี และปราจีนบุรีมีพระราชศรัทธาและพระราชปณิธานแน่วแน่ที่จะทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุข ผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยาก โดยมิได้ทรงเลือกเชื้อชาติ ศาสนา หรือเผ่าพันธุ์
สถาบัน องค์กร มหาวิทยาลัยหน่วยงานต่างๆ จึงได้ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์โล่เฉลิมพระเกียรติ รางวัล และประกาศเกียรติคุณต่างๆ เป็นจำนวนมาก เช่น องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาติเอฟเอโอทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญเซเรส เทิดพระเกียรติในฐานะที่ทรงยกฐานะของสตรีให้มีระดับสูงขึ้น และทรงเป็นผู้ให้โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2522ขณะที่มหาวิทยาลัยทัฟส์ แห่งรัฐแมสซาชูเซตส์สหรัฐอเมริกา ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขามนุษยธรรม ในฐานะที่ทรงยกระดับฐานะการครองชีพของประชาชน และช่วยบรรเทาทุกข์ของเด็กๆ ในหมู่ผู้ลี้ภัย เมื่อปีพ.ศ.2523
สหพันธ์พิทักษ์เด็กแห่งนครนิวยอร์กสหรัฐอเมริกา ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลบุคคลดีเด่นด้านพิทักษ์เด็ก เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2524, สถาบันเอเชียโซไซตี้ แห่งนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลด้านมนุษยธรรม เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2528 เมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ.2528, ศูนย์ศึกษาการอพยพ ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นครนิวยอร์ก กราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯ ไปทรงรับรางวัลความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยประจำปี ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี เมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2533 องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญทองโบโรพุทโธ ในฐานะทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอนุรักษ์และพัฒนางานศิลปหัตถกรรมณ ศาลาธรรม จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่30 มกราคม พ.ศ.2535, กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลเกียรติคุณพิเศษในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา5 รอบ ในฐานะทรงอุทิศพระองค์ประกอบพระราชกรณียกิจอันเป็นผลให้แม่และเด็กนับล้านได้รับบริการขั้นพื้นฐานเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2535, กองทุนสหประชาชาติเพื่อการพัฒนาสตรี ทูลเกล้าฯถวายรางวัลแห่งความเป็นเลิศในฐานะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาสตรีไทย เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2535,มหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ รัฐแมริแลนด์สหรัฐอเมริกา ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขามนุษยธรรม เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ.2538,ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งอังกฤษได้ทูลเกล้าฯ ถวายสมาชิกภาพกิตติมศักดิ์เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2513 ซึ่งสถาบันแห่งนี้เคยมอบให้แต่เฉพาะผู้ที่เป็นแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นเป็นที่รู้จักระดับโลกเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีมหาวิทยาลัยและสถาบันอื่นๆ อีกมากมายที่ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญา และรางวัลประกาศกิตติคุณแด่พระองค์ ด้วยทรงสร้างคุณูปการมหาศาลแก่ปวงชนชาวไทยในทุกๆ ด้าน ทั้งทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจโดยไม่ทรงเห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ด้วยพระปรีชาสามารถ พระวิริยะอุตสาหะด้วยพระขันติธรรมอันเปี่ยมล้นไปด้วยพระมหากรุณาธิคุณต่ออาณาประชาราษฎร์อย่างหาที่สุดมิได้
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)

























